ในปัจจุบันใคร ๆ ก็สามารถขายของออนไลน์ได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านให้ลูกค้าเห็น แต่เป็นการขายสินค้าจากที่ใดก็ได้ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง Social Media, เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งการซื้อ-ขายของออนไลน์สามารถทำได้เพียงแค่คลิกนิ้วก็จะพบกับสินค้าหลาย ๆ อย่างตั้งแต่ อาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารเสริม และทุก ๆ อย่างที่สามารถขายได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย

            ด้วยร้านค้าออนไลน์สามารถขายของได้ง่าย ไม่ต้องมีเงินลงทุนมากอะไร สามารถดูแลร้านได้จากทุกที แถมในยุคนี้ลูกค้าส่วนใหญ่มักชอปปิ้งผ่านออนไลน์เป็นส่วนใหญ่แล้ว แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ได้จับสินค้าก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่าในเมื่อร้านค้าออนไลน์มีมากขึ้น จึงต้องมีการจัดการและควบคุมกับร้านค้าออนไลน์เหล่านี้ สำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์ อาจสงสัยว่า “ร้านของเราต้อง จดทะเบียนหรือไม่”

            ในตอนนี้เนื่องจากมีร้านค้าเยอะมากมาย คนขายเป็นใครก็ไม่รู้ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อเกิดลังเลใจที่จะซื้อสินค้าชิ้นนั้น และด้วยร้านค้าที่เยอะขึ้นหน่วยงานอย่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงต้องเข้ามาควบคุมและจัดการ รวมถึงร้านค้าสามารถยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงของร้านค้า ด้วยการ “จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะกับสินค้าประเภทยา จะต้องมีหน่วยงานเข้ามาดูแลเพิ่มเติม เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า ผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีสถานที่ตั้งประกอบการอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการประกอบพาณิชยกิจในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นร้านค้าที่ขายของออนไลน์ ไม่ได้เป็นเพียงการเสนอข้อมูลสินค้าจำเป็นต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไว้จะดีที่สุด

            แต่ช้าก่อนไม่ได้มีแค่นั้น เพราะผู้ประกอบการขายของผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จำเป็นต้องจดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดทางตรงกับทาง สคบ. ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดทางตรง พ.ศ. 2545 เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถตรวจสอบและติดตามผู้ประกอบการ หากผู้บริโภคถูกโกง หรือถูกละเมิดสิทธิ์จากการขายสินค้าต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นไม่ว่าจะประกอบธุรกิจอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีรายได้และมีกำไรจะต้องศึกษารายละเอียดหรือปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน อีกทั้งหากบุคคลธรรมดามีรายได้จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว